สมัครสมาชิก / เข้าสู่ระบบ

เข้าสู่ระบบ

ลืมรหัสผ่าน

ลืมรหัสผ่าน


หมายเหตุ : เราจะส่งวิธีการรีเซ็ตรหัสผ่าน ไปยัง E-mail ที่คุณได้สมัครด้วย username นี้ไว้

  • หน้าแรก
  • เกี่ยวกับเรา
  • ความรู้มะเร็งเต้านมสำหรับประชาชน
    • บทความทั่วไป
      • บทความทั่วไป
        • ดีกว่าการรักษาคือการป้องกัน: สมาคมโรคเต้านมแห่งประเทศไทยกับการผลักดันนโยบายตรวจหายีนส์มะเร็งเต้านมฟรี
        • พยาบาลวิชาชีพผู้ที่มุ่งพัฒนางานการพยาบาลดูแลผู้ป่วยมะเร็ง เพื่อช่วยเหลือและแก้ปัญหาให้ผู้ป่วยเบื้องต้น
        • กล่องปทุมรักษา: เพื่อความแม่นยำในการวินิจฉัยชนิดของโรคมะเร็ง โดยคุณหมอคนไทยเพื่อผู้ป่วยมะเร็ง
        • ความเป็นมาและเป็นไปของสมาคมโรคเต้านมแห่งประเทศไทย
        • สมาคมโรคเต้านมแห่งประเทศไทยเริ่มต้น
          และขับเคลื่อนด้วยการเป็นผู้ให้
        • ภาพแรกในวันนั้น ภาพร่างในวันนี้ และภาพสุดท้ายในอีกสิบปี
        • จาก “เป็นเท่ากับตาย”
          สู่ “ฟื้นฟูชีวิตใหม่”
        • ไอรีล ไตรสารศรี: Art for Cancer ศิลปะเพื่อผู้ป่วยมะเร็ง
      • สารประกอบในถั่วเหลืองอาจช่วยลดความเสี่ยงในการกลับมาเป็นซ้ำของมะเร็งเต้านม
      • การปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ในผู้ป่วยมะเร็งเต้านม
      • การดื่มแอลกอฮอล์และความเสี่ยงของมะเร็งเต้านม
    • อาการและการวินิจฉัยเบื้องต้น
      • รู้จักโรคมะเร็งเต้านม
        • มะเร็งเต้านมคืออะไร
        • ปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งเต้านม
        • อาการของมะเร็งเต้านม
        • การจัดการความกลัวที่มีต่อโรคมะเร็งเต้านม
      • การตรวจคัดกรองและการตรวจเพิ่มเติม
        • การตรวจเต้านมด้วยตนเอง
        • การตรวจเต้านมโดยแพทย์
        • Mammogram
        • อัลตร้าซาวด์
        • การทดสอบ FISH (Fluorescence In Situ Hybridization)
        • การตรวจเต้านมด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
        • การตรวจชิ้นเนื้อ
        • การย้อมชิ้นเนื้อพิเศษ
        • การตรวจ Oncotype Dx
        • การตรวจทางพันธุกรรม
      • มะเร็งเต้านมของคุณเป็นแบบไหน
      • ชนิดของมะเร็งเต้านม
    • การรักษาและผลข้างเคียง
      • การวางแผนการรักษา
      • การผ่าตัด
        • การผ่าตัด ตอนที่ 1: การผ่าตัดแบบสงวนเต้านม
        • การผ่าตัด ตอนที่ 2: การผ่าตัดเต้านมออกทั้งหมด
        • การผ่าตัด ตอนที่ 3: การผ่าตัดเสริมสร้างเต้านม (Breast Reconstruction)
        • การผ่าตัด ตอนที่ 4: การผ่าตัดเลาะต่อมน้ำเหลืองบริเวณรักแร้
        • การผ่าตัด ตอนที่ 5: การผ่าตัดเต้านมออกทั้งหมดเพื่อลดความเสี่ยงของมะเร็งเต้านม (Prophylaxis Mastectomy)
      • ยาเคมีบำบัด
      • การรักษาด้วยฮอร์โมน
      • การรักษาแบบมุ่งเป้า
        • การรักษาด้วยยาต้านเฮอร์ทู
      • การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด
      • การรักษามะเร็งเต้านมชนิดตัวรับเฮอร์ทู
        • การรักษามะเร็งเต้านมชนิดตัวรับเฮอร์ทู ในระยะเริ่มต้น
        • การรักษามะเร็งเต้านมชนิดตัวรับเฮอร์ทู
      • รังสีรักษา
      • การรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ
        • ยายับยั้งจุดตรวจสอบภูมิคุ้มกัน (Immune Checkpoint Inhibitors)
        • ยาต้านฮอร์โมน (Hormonal Therapy)
        • วัคซีนสำหรับโรคมะเร็ง (Cancer Vaccines)
        • การรักษาโดยการปรับแต่งเซลล์ภูมิคุ้มกัน (Adoptive Cell Therapy)
        • โปรตีนสื่อสารระหว่างเซลล์ (Cytokines)
  • ข่าวสารสมาคม
  • ติดต่อเรา

Mammogram

หน้าแรก   : :   อาการและการวินิจฉัยเบื้องต้น   : :   การตรวจคัดกรองและการตรวจเพิ่มเติม

Mammogram

 

การเอกซเรย์เต้านมหรือแมมโมแกรมเป็นเครื่องมือสำคัญที่ใช้มานานกว่า 50 ปี มีความปลอดภัยและความถูกต้องสูง แมมโมแกรมไม่เพียงแต่จะช่วยคัดกรองมะเร็งเต้านมเท่านั้น แต่ยังสามารถวินิจฉัย ประเมิน และติดตามโรคในผู้ที่เคยเป็นมะเร็งเต้านมได้อีกด้วย

โดยปกติ ผู้หญิงที่อายุ 40 ปีขึ้นไป ควรทำการตรวจเต้านมด้วยแมมโมแกรมเป็นประจำทุกปี เพื่อตรวจดูอาการของมะเร็งเต้านมในระยะเริ่มแรก แต่หากคุณมีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านมสูง คุณและแพทย์ของคุณอาจเริ่มตรวจคัดกรองแมมโมแกรมก่อนอายุ 40 ปี

การวินิจฉัยด้วยแมมโมแกรม แตกต่างจากการตรวจคัดกรองแมมโมแกรม โดยการวินิจฉัยแมมโมแกรมมุ่งเน้นไปที่การหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตำแหน่งที่สงสัย แมมโมแกรมที่ใช้ในการวินิจฉัยจะถ่ายภาพมากกว่าแบบคัดกรอง โดยช่างเทคนิคในการตรวจแมมโมแกรมและนักรังสีวิทยาจะทำงานร่วมกันเพื่อให้ได้ผลที่แม่นยำที่สุด

1. Mammography: ประโยชน์ ความเสี่ยง และสิ่งที่คุณต้องรู้

การตรวจแมมโมแกรมไม่ได้ป้องกันมะเร็งเต้านม แต่เป็นวิธีที่ใช้ในการค้นหามะเร็งเต้านมระยะแรกได้เร็วที่สุด โดย ผู้หญิงทุกคนควรเริ่มตรวจคัดกรองด้วยแมมโมแกรม ตั้งแต่อายุ 40 ปีขึ้นไป เพราะการตรวจพบมะเร็งในระยะแรกจะช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาแบบสงวนเต้านมได้มากขึ้น แทนที่จะผ่าตัดเต้านมออกทั้งเต้า

ข้อเสียของแมมโมแกรม คือ ไม่สามารถตรวจหามะเร็งได้ชัดเจน กรณีที่มีเนื้อเยื่อเต้านมมาก เรียกว่าผลลบผิดพลาด คือไม่สามารถระบุความผิดปกติที่มีได้ ทั้งๆ ที่มีมะเร็งซ่อนอยู่ นอกจากความกังวลเกี่ยวกับการวินิจฉัยโรคมะเร็งเต้านมแล้ว การทดสอบเพิ่มเติมและการติดตามผลก็อาจทำให้เกิดความเครียดได้ ดังนั้น ผู้หญิงจึงควรเรียนรู้วิธีการตรวจเต้านมด้วยตนเอง และเข้ารับการตรวจเต้านมเป็นประจำ และในบางกรณี ก็ควรตรวจ MRI หรืออัลตร้าซาวด์เพิ่มเติม

บางคนอาจกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงของการได้รับรังสีจากการตรวจเต้านม แต่การถ่ายภาพรังสีสมัยใหม่นั้น ใช้รังสีเพียงเล็กน้อย (น้อยกว่าการเอกซเรย์หน้าอกมาตรฐาน) จึงมีความเสี่ยงต่ำมาก

สิ่งสำคัญที่ควรรู้เกี่ยวกับแมมโมแกรม

  • การตรวจแมมโมแกรมสามารถช่วยชีวิตคุณได้ หากตรวจพบมะเร็งเต้านมตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยลดความเสี่ยงของการเสียชีวิตจากโรคนี้ได้ 25-30% หรือมากกว่า ผู้หญิงวัย 40 ปีขึ้นไป ควรเริ่มทำแมมโมแกรมเป็นประจำทุกปี และอาจเริ่มทำเร็วกว่านั้นหากมีความเสี่ยงสูง
  • อย่ากลัว ขั้นตอนในการทำแมมโมแกรมนั้นรวดเร็ว (ประมาณ 20 นาที) และเจ็บน้อยมาก อีกทั้งยังปลอดภัย เพราะใช้ปริมาณรังสีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทั้งนี้ แนะนำให้เลือกตรวจในศูนย์ที่สามารถทราบผลทันทีในวันนั้นเพื่อลดความวิตกกังวลในการรอผล
  • การเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจ หากคุณมีเนื้อเต้านมที่หนาแน่น หรือมีอายุต่ำกว่า 50 ปี แนะนำให้ ตรวจแบบ Digital Mammogram เพราะโดยการบันทึกภาพแบบดิจิทัลจะช่วยให้แพทย์สามารถขยายภาพดูได้ชัดเจนขึ้น

 

2. Mammogram แสดงผลอะไรได้บ้าง?: หินปูน, ซีสต์, เนื้องอก

การคัดกรองแมมโมแกรมส่วนใหญ่นั้น เป็นการถ่ายภาพเต้านมในสองมุมมอง แต่ดิจิตอลแมมโมแกรมจะถ่ายรูปในมุมที่มากกว่านั้น แม้ว่าคุณจะมีก้อนเนื้อในเต้านมเพียงเต้าเดียว ภาพก็จะถูกถ่ายจากเต้าทั้งสองข้าง เพื่อให้สามารถเปรียบเทียบความแตกต่างและสามารถตรวจสอบความผิดปกติอื่นๆ ได้ หากคุณเคย ตรวจเต้านมมาก่อนแล้ว นักรังสีวิทยาจะนำผลเก่ามาเปรียบเทียบเพื่อหาการเปลี่ยนแปลง

ในขณะที่กำลังตรวจหาโรคมะเร็ง แพทย์ของคุณอาจพบกับก้อนหรือรอยโรคในเต้านมที่ควรได้รับการตรวจสอบเพิ่มเติม เช่น

หินปูน : เป็นแคลเซียมเกล็ดเล็กๆ ลักษณะเหมือนเม็ดเกลือในเนื้อเยื่ออ่อนของเต้านม ซึ่งบางครั้งก็สามารถบ่งบอกถึงการเป็นมะเร็งเต้านมระยะแรกได้ มักจะไม่มีอาการแสดง แต่จะตรวจพบจากแมมโมแกรม แพทย์ของคุณอาจต้องการทำการทดสอบเพิ่มเติมทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะรูปร่าง ขนาด และจำนวนของหินปูนที่ตรวจพบ

หินปูนขนาดใหญ่ (Macrocalcifications) : มักจะไม่เกี่ยวข้องกับโรคมะเร็ง ในขณะที่กลุ่มของหินปูนเล็กๆ จะมีความเกี่ยวข้องกับเซลล์เต้านมที่เจริญเติบโตมากกว่าปกติ ซึ่งโดยมากไม่ใช่มะเร็ง แต่ก็อาจพบลักษณะแบบนี้ ได้ในมะเร็งระยะแรก

ซีสต์ : หรือถุงน้ำ มีความแตกต่างจากเนื้องอกมะเร็ง โดยซีสต์เป็นมวลที่เต็มไปด้วยของเหลว ไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับมะเร็ง การตรวจด้วยอัลตร้าซาวด์เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการแยกซีสต์ออกจากมะเร็ง เพราะคลื่นเสียงไหลผ่านถุงที่เต็มไปด้วยของเหลวได้ง่าย ในทางกลับกันคลื่นเสียงจะผ่านก้อนแข็งได้ยาก

เนื้องอกเต้านม (Fibroadenoma) : มักมีลักษณะที่เคลื่อนที่ได้ ก้อนแข็งกลม ประกอบด้วยเซลล์เนื้อเต้านมปกติ ในบางครั้งอาจเติบโตและมีก้อนเนื้อแข็งๆ ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และมักถูกผ่าตัดออกไปเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ใช่ก้อนมะเร็ง เป็นเนื้องอกเต้านมที่พบมากที่สุดโดยเฉพาะในหญิงสาว

2.1 การทำความเข้าใจเกี่ยวกับหินปูนในเต้านม
หินปูนคือการสะสมของแคลเซียมเล็กๆ ที่ปรากฏบนแมมโมแกรมเป็นจุดสีขาวสว่าง หรือจุดบนเนื้อเยื่อของเต้านม เนื่องจากแคลเซียมจะดูดซับรังสีเอกซ์จากแมมโมแกรมได้อย่างง่ายดาย โดยทั่วไปหินปูนหรือแคลเซียมจะไม่แสดงผลใน Ultrasounds และ MRI เต้านม หินปูนนั้นเป็นสิ่งที่พบบ่อยในการตรวจแมมโมแกรม และเป็นเรื่องปกติสำหรับผู้หญิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวัยหลังหมดประจำเดือน

หินปูนหรือแคลเซียมในเต้านมไม่สัมพันธ์กับแคลเซียมในอาหารของคุณ มันไม่สามารถพัฒนาเป็นมะเร็งเต้านมได้ แต่เป็นสิ่งที่แสดงถึงกระบวนการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในเต้านม และโดยส่วนใหญ่ไม่เป็นพิษเป็นภัย (ไม่เกี่ยวข้องกับโรคมะเร็ง) เช่น เมื่อคุณมีอายุมากขึ้น คุณก็จะมีโอกาสมากขึ้นที่จะมีการเปลี่ยนแปลงของเซลล์จนกลายเป็นหินปูน หรือบางครั้งเซลล์ต่อมของเต้านมสามารถหลั่งแคลเซียมไปยังท่อได้ โดยสาเหตุที่ทำให้เกิดหินปูนในเต้านม มีดังนี้:

  • การบาดเจ็บหรือการติดเชื้อในเต้านม
  • เนื้องอกชนิดที่ไม่ใช่มะเร็งในเต้านม เช่น ไฟโบรอะดีโนมา (Fibroadenomas) หรือถุงน้ำเต้านม (Cyst )
  • การฉายแสงในเต้านม
  • การสะสมของแคลเซียมในหลอดเลือดภายในเต้านม (เป็นกระบวนการเดียวกับที่แคลเซียมถูกสร้างขึ้นในหลอดเลือดทั่วร่างกาย โดยมักจะเป็นคนที่มีปัจจัยเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด)

 

ทั้งนี้ ในบางครั้งหินปูนอาจเป็นการพัฒนาของมะเร็งทั้งชนิดที่ยังอยู่ในแหล่งกำเนิด (DCIS) หรือชนิดที่เริ่มมีการลุกลามไปยังเนื้อเยื่อเต้านมข้างเคียง (IDC) โดยเมื่อมีเซลล์ที่เติบโตมากกว่าปกติ และหนาแน่นจนเกิดการตายของเซลล์ อาจทำให้เซลล์เหล่านั้นกลายสภาพเป็นหินปูนในรูปแบบของแคลเซียมได้ เมื่อพบแคลเซียมลักษณะนี้ในแมมโมแกรม จะจัดว่าเป็นหินปูนที่มีคุณสมบัติที่น่าสงสัย ซึ่งต้องได้รับการตรวจสอบเพิ่มเติม หากคุณตรวจพบหินปูนใหม่ที่ไม่เคยพบมาก่อน แพทย์รังสีจะพยายามหาลักษณะที่บ่งชี้ถึงการเป็นมะเร็ง อย่างไรก็ตามมีโอกาสที่หินปูนนั้นเป็นเพียงเซลล์ผิดปกติธรรมดาที่ไม่ใช่มะเร็งได้ เพราะฉะนั้นคุณไม่จำเป็นจะต้องกังวลจนกว่าการตรวจจะสิ้นสุด

วิธีการแยกลักษณะของหินปูนว่าเป็นมะเร็งหรือไม่?
ลักษณะของหินปูน สามารถแยกได้ดังนี้

  • หินปูนที่เป็นเนื้องอกธรรมดา
  • หินปูนที่มีโอกาสที่จะเป็นเนื้องอกธรรมดา
  • หินปูนที่มีโอกาสที่จะเป็นมะเร็ง

 

โดยในการจำแนกประเภทนั้น ขึ้นอยู่กับขนาด ลักษณะ และการกระจายตัวของหินปูนในเต้านม

2.1 การทำความเข้าใจเกี่ยวกับหินปูนในเต้านม
หินปูนคือการสะสมของแคลเซียมเล็กๆ ที่ปรากฏบนแมมโมแกรมเป็นจุดสีขาวสว่าง หรือจุดบนเนื้อเยื่อของเต้านม เนื่องจากแคลเซียมจะดูดซับรังสีเอกซ์จากแมมโมแกรมได้อย่างง่ายดาย โดยทั่วไปหินปูนหรือแคลเซียมจะไม่แสดงผลใน Ultrasounds และ MRI เต้านม หินปูนนั้นเป็นสิ่งที่พบบ่อยในการตรวจแมมโมแกรม และเป็นเรื่องปกติสำหรับผู้หญิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวัยหลังหมดประจำเดือน

ลักษณะโดยทั่วไปของหินปูนที่เป็นเนื้องอกธรรมดา:

  • มีขนาดใหญ่กว่า 0.5 มม.
  • มีขอบเขตชัดเจนและรูปร่างคล้ายคลึงกัน
  • ไม่กระจุกอยู่บริเวณใดบริเวณหนึ่งของเต้านม

 

ลักษณะโดยทั่วไปของหินปูนที่มีโอกาสเป็นมะเร็ง:

  • มีขนาดเล็กกว่า 0.5 มม.
  • ขนาดและรูปร่างแตกต่างกันไป
  • มีการรวมกลุ่มกันในพื้นที่หนึ่งๆ ของเต้านม

 

หากหินปูนนั้นน่าสงสัย จำเป็นต้องทำการทดสอบเพิ่มเติม

หมายเหตุ: หากพบว่ามีหินปูนอยู่บริเวณผิวหนังซึ่งอาจเกิดจากแป้งหรือน้ำยาระงับกลิ่นกายที่ตกค้างได้ ไม่จำเป็นต้องทำการตรวจเพิ่มเติม เช่นเดียวกับการพบหินปูนภายในหลอดเลือดของเต้านม

ขนาด: หินปูนขนาดใหญ่จะมีโอกาสเป็นมะเร็งต่ำ
โดยเราสามารถแยกได้เป็น

  • Macrocalcifications: หินปูนชนิดนี้มีขนาดใหญ่มากกว่า 0.5 มิลลิเมตร โดยทั่วไปมักพบลักษณะเรียงตัวเป็นเส้นหรือเป็นจุดกระจายภายในเต้านมจากแมมโมแกรม เกือบทุกกรณีที่มีลักษณะแบบนี้ ไม่สัมพันธ์กับมะเร็งและไม่จำเป็นต้องตรวจเพิ่มเติม จะพบได้มากในผู้หญิงที่มีอายุมากขึ้นโดยเฉพาะหลังจาก 50 ปี
  • Microcalcification: หินปูนขนาดเล็ก น้อยกว่า 0.5 มม. มีลักษณะเป็นเกล็ดหรือคล้ายกับเม็ดเกลือขนาดเล็ก หินปูนชนิดนี้สัมพันธ์กับมะเร็งหรือไม่ ขึ้นอยู่กับลักษณะการวางตัวและการกระจายตัว อย่างไรก็ตาม บางครั้งอาจมีการผสมผสานระหว่างหินปูนขนาดใหญ่และเล็ก

 

ลักษณะ: ขนาดและรูปร่างของหินปูนมีความสัมพันธ์กับมะเร็ง
หากหินปูนมีลักษณะมาตรฐาน คือ ไม่ได้มีขนาดและรูปร่างแตกต่างกันมาก ก็มีแนวโน้มที่จะไม่เป็นมะเร็งสูง เช่น Macrocalcifications มีลักษณะกลมขอบชัด ซึ่งปกติพบได้ในผู้หญิงอายุมากกว่า 50 อาจเกิดจากเซลล์ไขมันที่ตายหรือหินปูนที่มาเกาะบริเวณถุงน้ำ

ลักษณะของหินปูนที่มีขนาดใหญ่หยาบหรือที่เรียกว่า “Popcorn-like” นั้น สัมพันธ์กับเนื้องอกชนิด Fibroadenoma ซึ่งเป็นหินปูนที่เรียงตัวเป็นเส้นตรงอยู่ภายในท่อน้ำนม อาจพบได้ทั้งสองข้าง มักสัมพันธ์กับโรคบริเวณท่อน้ำนม Ectasia Duct โดยเกิดจากการที่ท่อน้ำนมมีการขยายตัวแล้วมีของเหลวมาแทนที่ในท่อน้ำนม ส่วนหินปูนจากการผ่าตัดหรือการฉายแสงอาจพบได้บริเวณหน้าอกในตำแหน่งนั้นๆ

หินปูนขนาดเล็กที่มีขนาดและรูปร่างแตกต่างกัน เรียกว่า Pleomorphic Calcification มักรวมกลุ่มกันในบริเวณหนึ่งของเต้านม หินปูนชนิดนี้สัมพันธ์กับโรคมะเร็งเต้านมได้ทั้งแบบ ยังไม่ลุกลาม (DCIS) และมะเร็งชนิดลุกลาม

การกระจายและปริมาณ: ยิ่งมีหินปูนจับกันเป็นกลุ่ม ยิ่งน่าสงสัยว่าจะเป็นมะเร็งมากขึ้น
การมีหินปูนอยู่เป็นกลุ่มในส่วนใดส่วนหนึ่งของเต้านม แสดงถึงความผิดปกติบางอย่างในเนื้อนมส่วนนั้น ซึ่งมีโอกาสที่จะเป็นมะเร็งได้สูง แต่หากหินปูนกระจายทั่วเต้านมหรือทั้ง 2 ข้าง โอกาสเกิดมะเร็งจะต่ำกว่า

แพทย์รังสีวิทยาบางคนคิดว่ามีการมีหินปูนตั้งแต่ห้าจุดขึ้นไปในกลุ่มนั้นๆ มีความน่าสงสัยว่าเป็นมะเร็งมากขึ้น ทั้งนี้ นี่ไม่ใช่จำนวนในการวินิจฉัยที่แน่นอน และต้องตรวจเพิ่มเติมถึงแม้ว่าจะมีหินปูนน้อยกว่าห้าจุดก็ตาม ในปัจจุบัน ไม่มีกฎที่ตายตัวและแม่นยำมากพอในการดูจำนวน ลักษณะ และขนาดของหินปูน

การประเมินและติดตามร่องรอยของหินปูน
หากมีการพบหินปูนในการตรวจแมมโมแกรมของคุณ แพทย์รังสีจะทำการเปรียบเทียบกับผลการตรวจเดิม ว่าหินปูนนี้เกิดขึ้นใหม่ หรือมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ หรือไม่ โดยอาจมีการตรวจโดยใช้แมมโมแกรมแบบขยายบางส่วน เพื่อให้ได้ข้อมูลเพิ่มเติม เทคนิคการตรวจเต้านมแบบพิเศษนี้จะช่วยให้สามารถดูตำแหน่งที่สงสัยในจุดที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น นอกจากนี้ยังอาจมีการตรวจแบบบีบอัดเฉพาะจุดซึ่งใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กเพื่อทำให้บริเวณเต้านมแบนราบ เพื่อช่วยให้สามารถมองเห็นได้ดีขึ้น

รังสีแพทย์จะอธิบายลักษณะของหินปูน ดังนี้

  • Clearly Benign: ไม่จำเป็นต้องตรวจเพิ่มเติม
  • Likely Benign: แนะนำให้ตรวจซ้ำอีกครั้งในอีก 6 เดือน เพื่อดูความเปลี่ยนแปลง
  • Somewhat or Very Suspicious: แนะนำให้ตรวจเพิ่มเติม

 

การตรวจชิ้นเนื้อเพิ่มเติม สามารถทำได้โดยการฉีดยาชาเฉพาะที่ และใช้เข็มเจาะไปยังตำแหน่งของหินปูน โดยใช้แมมโมแกรมเป็นตัวนำเข็มไปยังตำแหน่ง เนื่องจากหินปูนมีขนาดเล็กเกินกว่าจะระบุด้วยวิธีอื่น การตรวจแบบนี้เรียกว่า Stereotactic Biopsy ในบางกรณีแพทย์ของคุณอาจตรวจโดยใช้อัลตราซาวนด์หรือ MRI ก่อน แม้ว่าโดยทั่วไปอาจมองไม่เห็นหินปูนในการทดสอบ แต่การทดสอบเหล่านี้ จะช่วยให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อที่อาจเป็นมะเร็ง ซึ่งช่วยเพิ่มเติมข้อมูลสำหรับการตรวจชิ้นเนื้อ

คุณอาจกังวลเกี่ยวกับการตรวจชิ้นเนื้อ แต่โดยมากหินปูนที่ตรวจมักเป็นเซลล์ที่ไม่ใช่มะเร็ง นอกจากนั้นแพทย์ของคุณอาจแนะนำให้คุณกลับมาอีก 6 เดือนเพื่อตรวจเต้านมซ้ำ เพื่อตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของหินปูน หรืออาจแนะนำให้คุณตรวจคัดกรองปกติประจำปี ซึ่งคำแนะนำเหล่านี้อาจขึ้นอยู่กับลักษณะเฉพาะของผลการตรวจชิ้นเนื้อและปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านมของคุณ

หากการตรวจชิ้นเนื้อพบเซลล์ที่ผิดปกติใดๆ (Atypia) แพทย์ของคุณอาจจะทำการตรวจชิ้นเนื้อโดยการผ่าตัด เพื่อให้ได้ชิ้นเนื้อขนาดใหญ่และมั่นใจว่าไม่มีมะเร็งจริงๆ หรือหากพบมะเร็งเต้านมก็จะได้รับการรักษาตามการวินิจฉัย

การพบหินปูนหลังจากรักษามะเร็งเต้านมและผู้ที่มีความเสี่ยงสูง
ถ้าคุณเป็นมะเร็งเต้านมหรือมีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเต้านมสูง เช่น มีประวัติพันธุกรรมหรือยีนที่ผิดปกติ คุณจะต้องใส่ใจเป็นพิเศษเมื่อคุณตรวจพบหินปูนในแมมโมแกรม ถึงแม้ว่าหินปูนส่วนใหญ่อาจไม่ใช่มะเร็ง และการรักษามะเร็งชนิดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัด การเสริมสร้างเต้านมใหม่ หรือการฉายแสงสามารถทำให้เนื้อเยื่อถูกทำลายและเกิดแผลเป็น ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เจอหินปูนในแมมโมแกรมได้ แต่เนื่องจากคุณมีความเสี่ยงสูงกว่าผู้หญิงทั่วไปในการเป็นมะเร็งเต้านม แพทย์ของคุณจึงต้องตรวจหินปูนของคุณอย่างละเอียด และอาจแนะนำให้คัดกรองด้วย MRI แทนการตรวจแมมโมแกรม ซึ่งขึ้นกับปัจจัยเสี่ยงและการตัดสินใจของคุณกับแพทย์

3. ผลการตรวจ Mammogram: Breast Imaging Reporting and Database System (BI-RADS)

แพทย์รังสีวิทยาในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ ใช้ระบบการรายงานและฐานข้อมูลการถ่ายภาพเต้านมหรือ BI-RADS เพื่อรายงานผลการตรวจแมมโมแกรม โดย American College of Radiology (ACR) ได้สร้างระบบนี้เพื่อใช้เป็นแนวทางในการรายงานสิ่งที่ตรวจพบ แนวทางการรักษา และการวางแผนติดตามอาการ ไว้ดังนี้

Breast Imaging Reporting and Database System (BI-RADS)

Category Assessment Follow-up
0 Need Additional Imaging Evaluation ต้องตรวจเพิ่มเติมเพื่อให้ข้อมูลที่ชัดเจนขึ้น ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมก่อน จึงจะสามารถวางแผนได้
1 Negative ตรวจไม่พบความผิดปกติ หรือความผิดปกตินั้นไม่มีนัยยะสำคัญ ตรวจคัดกรองแมมโมแกรมในผู้หญิงที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป
2 Benign (Noncancerous) Finding ตรวจพบความผิดปกติที่ไม่ใช่มะเร็ง เช่น หินปูน หรือเนื้องอก เช่น Fibroadenoma Cyst ตรวจคัดกรองแมมโมแกรมในผู้หญิงที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป
3 Probably Benign ตรวจพบความผิดปกติที่ไม่ใช่มะเร็ง แต่ควรนัดตรวจติดตามในระยะสั้นเพื่อดูความเปลี่ยนแปลง นัดติดตามอาการ และทำแมมโมแกรมในอีก 6 เดือน
4 Suspicious Abnormality ความผิดปกติมีโอกาสที่จะเป็นมะเร็ง ควรจะตรวจชิ้นเนื้อ
5 Highly Suggestive of Malignancy (Cancer) ความผิดปกติมีลักษณะอาจเป็นมะเร็งสูง มีความจำเป็นต้องตรวจชิ้นเนื้อ
6 Known Biopsy-proven Malignancy (Cancer) ความผิดปกติได้รับการพิสูจน์โดยชิ้นเนื้อแล้วว่าเป็นมะเร็ง ได้รับการเจาะชิ้นเนื้อยืนยันแล้วว่าเป็นมะเร็ง

รายงานผลแมมโมแกรม ยังมีการประเมินความหนาแน่นของหน้าอก เปรียบเทียบระหว่างเนื้อเยื่อเต้านมและไขมัน โดยเนื้อเต้านมที่มีความหนาแน่นเต้านมสูง (Dense Breasts) นั้น จะ:

  • มีความเสี่ยงเป็นสองเท่าในการเป็นมะเร็ง เมื่อเทียบกับเต้านมที่ความหนาแน่นเต้านมต่ำ
  • ทำให้การตรวจเมมโมแกรมยากขึ้น เนื่องจากเนื้อเต้านมจะไปบดบังความผิดปกติต่างๆ มะเร็งเต้านม (ซึ่งมีลักษณะเป็นสีขาวคล้ายกับเนื้อเยื่อเต้านม)

 

การประเมิน BIRADS ได้แบ่งความหนาแน่นของเนื้อเต้านมออกเป็น 4 กลุ่ม คือ

  • Mostly Fatty: เต้านมส่วนใหญ่เป็นไขมันและมีเนื้อเยื่อที่มีเส้นใยและต่อมน้อย ซึ่งหมายความว่าแมมโมแกรมจะแสดงสิ่งที่ผิดปกติได้ชัดเจน
  • Scattered Density: เต้านมมีไขมันเพียงเล็กน้อย และมีบางส่วนที่เป็นเนื้อเยื่อเต้านม
  • Consistent Density: เต้านมมีเนื้อเยื่อกระจายทั่วๆ ทำให้ยากต่อการพบความผิดปกติขนาดเล็ก
  • Extremely Dense: มีเนื้อเยื่อเต้านมปริมาณมาก ทำให้ยากต่อการเห็นความผิดปกติ เนื่องจากมะเร็งจะกลืนไปกับเนื้อเยื่อเต้านมที่มีสีขาว

ความรู้มะเร็งเต้านม อื่นๆ

  • การตรวจเต้านมด้วยตนเอง
  • การตรวจเต้านมโดยแพทย์
  • อัลตร้าซาวด์
  • การทดสอบ FISH (Fluorescence In Situ Hybridization)
  • การตรวจเต้านมด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
  • การตรวจชิ้นเนื้อ
สมาคมโรคเต้านมแห่งประเทศไทย

อาคารเฉลิมพระบารมี 50 ปี ชั้น 11 เลขที่ 2 ซอยศูนย์วิจัย แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ 10310

  • 08-5243-3500
  • 0-2716-5957
  • thaibreast@thaibreast.org
สำหรับบุคคลทั่วไป
  • หน้าแรก
  • เกี่ยวกับเรา
  • ความรู้มะเร็งเต้านมสำหรับประชาชน
  • ข่าวสารสมาคม
  • ติดต่อเรา

สำหรับแพทย์และพยาบาล

กรุณาสมัครสมาชิก
เพื่อใช้งานได้ครบทุกส่วน

สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ.2564 สมาคมโรคเต้านมแห่งประเทศไทย. นโยบายความเป็นส่วนตัว